“ผมเปียก” กับเหตุผลที่เราไม่ควรนอนทั้งๆที่ผมยังเปียกอยู่

เชื่อว่ายังมีหลายคนพอสระผมเสร็จมากใหม่ ๆ ดึกก็ไม่อยากที่จะรอให้ผลของเรานั้นแห้งก่อน มักที่จะนอนเลย วันนี้แอดจะ แนะนำเหตุผลที่เราไม่ควรนอนทั้งที่ ผมเปียก บอกเลยว่ามีผลเสียต่อสุขภาพผลมาก ๆ ใครที่ยังนอนทั้งผลเปียก บอกเลยว่าไม่ดีต่อสุขภาพของเส้นผมเรา วันนี้เรามาดูไปพร้อมกันเลยดีกว่าว่าทำไมเราถึงไม่ควรที่จะนอนทั้งที่ผลเราเปียก

เหตุผลที่ไม่ควรนอนทั้งๆที่ “ผมเปียก”

เรามาเริ่มกันที่สาเหตุแรกที่เราไม่ควรจะนอนทั้งที่ผมเปียก คือ อาหารเพื่อสุขภาพ จะทำให้เกิดเป็นการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียนั้นเอง ซึ่งมีผลที่ไม่ดีต่อสุขภาพเส้นผมของเรามาก ๆ ส่อง “อาหารที่ดีต่อสุขภาพ” ที่คนรักสุขภาพควรทานมีประโยชน์และอร่อยมากๆ เพราะอาจจะมีแบคทีเรียและเชื้อราต่าง ๆ ไปอยู่ที่หมอน อาจจะทำให้เราเป็นสิว และปัญหาเกี่ยวกับหนังศีรษะได้ด้วย

สาเหตุที่เราไม่ควรนอนตอนผมเปียก คือ ทำให้เราประสบปัญหาผลแตกปลายได้ เพราะเส้นผลของเรามีความอ่อนแอเมื่อเปียกน้ำ จะทำให้ผลของเรานั้นมีการแตกและหักได้ด้วย เป็นอีกปัยหาสุขภาพของเส้นผลที่จะทำให้เรานั้นผลแตกปลาย ผมขาดร่วงได้อีกด้วย 

สาเหตุที่เราไม่ควรนอนตอนผมเปียก ข้อสุดท้ายที่แอดจะพาส่อง ข้อนี้อาจจะไม่ได้มีปัญาหเกี่ยวกับสุขภาพ แต่ก็เป็นอีกปัยหากวนใจของหลายคน คือ ผมของเราไม่สามารถที่จะจัดทรงได้ และยิ่งใครที่ผมหนานอนไปทั้งที่ผลยังไม่แห้ง อาจจะทำให้เกิดปัญหารังแคได้อีกด้วย จัดทรงก็ยาก หากมีเวลาก็ควรที่จะเป่าก่อนนอนสักหน่อย ที่แอดพาเพื่อน ๆ ไปส่อง การแทงบอลเสต็ป ก็เป็นแค่สาเหตุในบางส่วนเท่านั้นที่เราไม่ควรนอนทั้งที่ผลของเรายังเปียกอยู่ ต้องบอกเลยว่าเพื่อสุขภาพผมที่ดีและการจัดทรงที่ง่าย เราควรเป่าก่อนนอนให้แห้งน่าจะดีกว่า

โรคร้ายยอดฮิตที่มักเป็นในกลุ่ม มนุษย์เงินเดือน ต้องพึงระวัง!

สำหรับหนุ่มสาวในวัยทำงานหรือวัยกลางคนที่ยังมีกำลังวังชานั้น ต่างก็ทุ่มเททำงานหนักเพื่ออนาคตหรือเป้าหมายที่ตนเองต้องการในชีวิต บางคนอาจถึงขั้นทำงานชนิดหามรุ่งหามค่ำโดยมักจะละเลยในเรื่องของสุขภาพร่างกายได้ ยิ่งโดยเฉพาะบางคนหากงานไม่เสร็จก็จะไม่หยุด หรือไม่ยอมกินข้าวกินน้ำกันเลยทีเดียว ภัยเงียบที่อาจทำให้ มนุษย์เงินเดือน หรือพนักงานประจำมักจะต้องเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว มีอยู่มากมายหลายโรคและส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ตัว บางโรคนั้นกว่าจะตรวจเจอก็เกือบรักษาแทบไม่ทันการ โดยโรคร้ายที่มักจะพบได้ในมนุษย์เงินเดือนมีดังนี้

โรคร้ายที่มักจะพบได้ใน มนุษย์เงินเดือน มีดังนี้

1. โรคเครียดลงกระเพาะ

ในการทำงานมักจะต้องประสบกับปัญหาที่ต้องแก้ไขอยู่เสมอ หลายคนมักจะมุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยทานข้าว ยิ่งจะทำให้ทานอาหารได้ไม่ตรงเวลา เมื่อเครียดมาก ระบบประสาทกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยออกมามากกว่าปกติ จนอาจทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไปจนกัดกระเพาะได้

2. โรคความดันโลหิตสูง

ในการทำงานมักจะต้องเผชิญกับภาวะที่ตึงเครียดอยู่เป็นประจำ ซึ่งอาจเป็นผลกระทบต่อร่างกายในระบบประสาทเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดในสมอง หากร้ายแรงอาจทำให้เป็นอัมพาตหรือไตวายได้ด้วย ถ้าที่ดีที่สุดในการป้องกันคือ พักผ่อน และผ่อนคลาย จัดสรรแบ่งเวลาให้เหมาะ แยกแยะเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว ประกอบกับออกกำลังกาย เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือพูดคุยปรึกษากับเพื่อนร่วมงาน หากเกิดปัญหาในการทำงานเพื่อช่วยหาหนทานแก้ไขให้ได้อย่างตรงจุด

3. ออฟฟิศซินโดรม

เป็นโรคยอดฮิตที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนทุกวันต่างต้องเคยประสบพบเจอแทบทั้งสิ้น การทำงานต่อวัน วันละ 8-9 ชั่วโมง โดยเฉพาะพนักงานที่มักจะต้องนั่งทำงานอยู่กับที่นั่งโต๊ะหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือแม้แต่พนักงานขับรถประจำทางที่มักจะไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวอิริยาบถ หรือไม่ค่อยได้เปลี่ยนท่านั่งเป็นเวลานาน จนส่งผลให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อแบบธรรมดา จนถึงขั้นปวดแบบเรื้อรังหรือกล้ามเนื้ออักเสบได้ มิวิธีป้องกันอย่างง่ายๆ แค่เพียงหมั่นบริหารร่างกาย หากรู้สึกเมื่อยล้าให้เปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ ชั่วโมง หรือ 20-30 นาทเป็นอย่างน้อย การนวดผ่อนคลายในบริเวณที่ปวดเมื่อยก็มักจะช่วยได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน

4. โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

อย่าคิดว่าแค่เพียงอั้นปัสสาวะนานๆ ไม่มีอันตราย เพราะการไม่เข้าห้องน้ำเมื่อร่างกายต้องการนอกจากจะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบแล้ว ส่งผลก่อให้เกิดนิ่วในไตได้เช่นกัน แม้จะดื่มน้ำน้อยเพราะไม่ต้องการเข้าห้องน้ำบ่อย จะยิ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถขจัดแบคทีเรียที่ควรออกจากร่างกายทางปัสสาวะ จนทำให้เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ในที่สุด วิธีป้องกันแค่พยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร และไม่กลั้นปัสสาวะนานเกินไปอีกด้วย

การดูแลสุขภาพให้ควบคู่ไปกับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้เป็นสิ่งสำคัญไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะถ้าหากร่างกายส่งสัญญาณการเจ็บป่วยขึ้นมาก ยิ่งฝืนจะยิ่งทำให้สุขภาพของคุณแย่ลง และส่งผลเสียต่อการทำงานได้ในที่สุด

ติดตาม อาหารเพื่อสุขภาพ และติดตาม โรคภัยไข้เจ็บ อื่นๆ เช่น วิธีดูแลตัวเองให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจาก “โควิด19”

ภัยเงียบต่างๆนี้ล้วนแต่เป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆเลยใช่ไหมทุกคน ดังนั้นเรามานอนเล่นเกม gclub1688 กันไปเพลินๆ เพื่อคลายเส้น หรือเปลี่ยนอิริยาบทไม่ให้เป็นโรคดังที่กล่าวข้างต้นกันเถอะ

รวมเด็ดสมุนไพรที่สามารถช่วยลด “กลิ่นตัว” ได้อย่างอยู่หมัด

เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อนและมีอากาศชื้นจึงทำให้เพื่อน ๆ หลายคนมักจะมีปัญหาเรื่องของ กลิ่นตัว ตามมาในแบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่หาวิธีแก้ไขก็อาจจะทำให้เจอปัญหาเรื่องความอับชื้นและเชื้อราต่าง ๆ ที่อาจจะตามมาได้ ดังนั้นเราควรหันมาใช้สมุนไพรบ้านเราเพื่อลดกลิ่นตัวให้หมดไปกันดีกว่าค่ะ 

รวมสมุนไพรที่สามารถช่วยลด กลิ่นตัว อันไม่พึงประสงค์ได้

1.สะระแหน่   ถือว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมและสรรพคุณที่ช่วยลดกลิ่นตัวได้เป็นอย่างดี โดยเรานำสะระแหน่แบบที่ผ่านการสกัดในแบบที่เป็นน้ำมาแล้ว มาหยดใส่ในอ่างอาบน้ำ ประมาณ 3-4 หยด และอาบเป็นประจำทุกวันซึ่งรับรองว่าปัญหาเรื่องกลิ่นตัวจะไม่มากวนใจคุณอีกแน่นอนค่ะ

2.เปลือกมังคุด  เนื่องจากในมังคุดจะมีสารที่ชื่อว่าสารแมงโกสตินที่จะมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ และสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่เรานำเปลือกมังคุดมาต้มและกรองเอากากออกทั้งหมด จากนั้นนำน้ำมังคุดที่ผ่านการกรองแล้วมาต้มน้ำอาบหรือจะนำมาทาตรงบริเวณใต้วงแขนก็จะสามารถช่วยลดกลิ่นตัวได้เป็นอย่างดี

3.ตำลึง  สำหรับตำลึงนั้นนอกจากจะนำมาต้มทำแกงจืดได้แล้วยังมีสรรพคุณที่ช่วยลดกลิ่นตัวได้เป็นอย่างดี เพียงแค่เราตำลึงสด ๆ ประมาณ 1-3 กำมือนำมาตำให้ละเอียดและผสมกับปูนแดงจากนั้นก็นำมาทาบริเวณข้อพับและใต้วงแขน ซึ่งเราจะต้องทำแบบนี้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ติดต่อกัน ปัญหาเรื่องกลิ่นตัวและกลิ่นเต่าก็จะหายไปในแบบพริบตา

4.มะนาว เป็นผักสมุนไพรที่มีรสชาติเปรี้ยวและมีปริมาณของค่า ph ในปริมาณที่สูง จึงช่วยกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่เรานำมะนาวมาหั่นเป็น 2 ซีก และนำมาคั้นให้เหลือแต่น้ำ จากนั้นก็นำมาทาบริเวณใต้วงแขนและบริเวณข้อพับต่าง ๆ ซึ่งกรดของมะนาวจะช่วยดับกลิ่นตัวและกลิ่นเต่าในแบบที่หายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะค่ะ

เรียกได้ว่าพืชสมุนไพรบ้านเรานั้นมีสรรพคุณในแบบที่ครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้ แถมยังสามารถช่วยกำจัดกลิ่นเต่าและลดกลิ่นตัวแบบได้อยู่หมัด แต่อย่างไรก็ตามเพื่อน ๆ อย่าลืมหมั่นรักษาความสะอาดด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นกายควบคุมกับการใช้สมุนไพรกำจัดกลิ่นตัวไปด้วย ซึ่งวิธีนี้ก็จะทำให้ปัญหาเรื่องกลิ่นตัวและความอับชื้นต่าง ๆ ก็จะไม่มาถามหาเราอีกแน่นอนค่ะ

ติดตามอาหารเพื่อสุขภาพ และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ เช่น พาส่องประโยชน์ดีๆเพื่อสุขภาพจาก “เปลือกส้ม” ที่ดีต่อสุขภาพ

รวมเด็ดสมุนไพรใกล้ตัวที่ช่วยแก้พิษจาก “แมลงสัตว์กัดต่อย”

เมื่อเราถูก แมลงสัตว์กัดต่อย อาการที่มักจะตามก็คือมีอาการคันและรู้สึกแสบร้อนบริเวณแผลที่ถูกกัด ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าสมุนไพรที่อยู่ภายในบ้านเรานั้นสามารถถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ในแบบที่เราไม่ต้องเพิ่งยาปฏิชีวนะใดๆ เลย ดังนั้นเราควรหันมาทำความรู้จักกับสมุนไพรที่ช่วยรักษาและถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยกันดีกว่าค่ะ

“แมลงสัตว์กัดต่อย” แก้ไขได้ด้วยสมุนไพรใกล้ตัว

1.ผักบุ้งทะเล โดยเราสามารถนำเถาสดและใบของผักบุ้งทะเลมาบดให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบริเวณที่ถูกสัตว์มีพิษกัดต่อยก็จะทำให้อาการปวดแสบปวดร้อนและอาการแพ้ต่าง ๆ ที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อยนั้นดีขึ้นตามลำดับ

2.หอมแดง เนื่องจากหอมแดงมีสรรพคุณที่จะช่วยลดอาการปวดบวมและอักเสบต่าง ๆ ได้ดี โดยเราสามารถนำหอมแดงจำนวน 1 หัว มาตำให้ละเอียดแล้วนำมาทาบริเวณที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อยช่วยทำให้อาการปวดและอาการอักเสบต่าง ๆ ของแผลดีขึ้นนั้นเองค่ะ

3.ตำลึง  ซึ่งตำลึงจะมีฤทธิ์ที่จะสามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและต้านการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดี จึงทำให้คนในสมัยก่อนมักจะนำใบตำลึงมาตำให้ละเอียดและนำมาทาบริเวณที่มีอาการก็จะช่วยถอนพิษและลดอาการปวดบวมของแผลให้ดีขึ้นอีกด้วย

4.ตะขาบบิน สำหรับสมุนไพรตัวนี้มีสรรพคุณที่จะช่วยถอนพิษของแมลงป่องและตะขาบได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราสามารถนำใบสดมาตำผสมกับเหล้าขาวและใช้ทาบริเวณที่ถูกกัดก็จะทำให้อาการปวดและอาการฟกช้ำจากการที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อยก็จะดีขึ้นและหายในที่สุด

เรียกได้ว่าพืชสมุนไพรของไทยนั้นมักมีคุณประโยชน์กับเรามากมายและหลากหลายอย่าง ซึ่งรวมไปถึงยังสามารถช่วยถอนพิษจากการถูกแมลงสัตว์กัดต่อยให้มีอาการที่ดีขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้าหากเรามีอาการผิดปกติหลังจากถูกสัตว์มีพิษกัด เช่น มีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ และแผลมีอาการที่บวมมากขึ้น เราควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดก่อนที่จะเกิดอาการแพ้จนถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด

ติดตามอาหารเพื่อสุขภาพ และติดตามข่าวสุขภาพอื่นๆ เช่น 4 วิธี ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ฉบับเน้นคุมอาหาร สำหรับคนไม่มีเวลาออกกำลังกาย

ขอขอบคุณการสนับสนุนจาก ufa9999 สำหรับข้อมูลเพื่อสุขภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ หรือเรื่องราวเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆที่รวบรวมมาให้เราได้แบ่งปันกันในวันนี้

ประโยชน์ของ “น้ำผึ้ง” ที่บอกเลยว่ามีมากมายกว่าที่หลายๆคนทราบ

น้ำผึ้ง เป็นอีกสิ่งที่สามารถช่วยในเรื่องของการให้ความหวานกับร่างกายของเราได้ดี และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ปัจจุบันนั้นน้ำผึ้งแท้ สามารถหาซื้อได้มากมาย วันนี้แอดอยากจะมา แนะนำ 3 ประโยชน์ของน้ำผึ้งที่บอกเลยว่ามีมากมายกว่าที่หลาย ๆ คนทราบ สายคนรักสุขภาพไม่ควรพลาด เป็นทางเลือกความหวานให้กับสายคนรักสุขภาพ

ประโยชน์ของ “น้ำผึ้ง”

มาเริ่มกันที่ประโยชน์ของน้ำผึ้ง ประโยชน์แรกที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ สามารถช่วยในเรื่องของการลดอาการภูมิแพ้ได้ดีและไม่ต่างจากการฉีดวัคซีน ร่างกายที่เคยเกิดอาการภูมิแพ้เมื่อได้รับน้ำผึ้งจากดอกไม้ท้องถิ่น จะทำให้อาการแพ้ดีขึ้น หรือเป็นการช่วยช่วยบรรเทาอาการแพ้ของเราได้

ประโยชน์ของน้ำผึ้ง ประโยชน์ที่สองที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ สามารถช่วยเพิ่มแบคทีเรียที่ดีให้กับสุขภาพร่างกายเราได้ เนื่องจากในน้ำผึ้งนั้นมีพรีไพโอติก ให้ระบบย่อยอาหารของเรานั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือว่าดีมาก ๆ ต่อระบบลำไส้ของเรา

ประโยชน์ของน้ำผึ้ง ประโยชน์ที่สามที่แอดอยากจะมาแนะนำ คือ เป็นอีกหนึ่งแหล่งแร่ธาตุและวิตามิน เนื่องจากในน้ำผึ้งนั้นมีทั้งวิตามินมากมาย ที่สามารถช่วยเสริมสร้างให้เรานั้นมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงใรส่วนต่าง ๆ ให้ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดก็เป็นประโยชน์ในบางส่วนเท่านั้นของน้ำผึ้ง บอกเลยว่ามีความน่าสนใจ สายคนรักสุขภาพไม่ควรพลาด เนื่องจากสามารถนำมาเป็นสารให้ความหวานที่ดีและนำไปประกอบอาหารได้แบบมากมายและหลากหลายประเภทอีกด้วย เป็นทางเลือกความหวานให้คนรักสุขภาพ

ติดตามอาหารเพื่อสุขภาพ และรวมผลไม้เด็ดที่มีสรรพคุณในการลดความเสี่ยงเป็น “โรคหัวใจ”

“กระเทียม” หนึ่งในสมุนไพรที่เป็นตัวช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ

กระเทียม เป็นที่รู้จักกันดีในส่วนของการนำมาประกอบอาหาร  เพื่อช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารและเพิ่มความหอมทำให้เมนูต่างๆน่าทานมากยิ่งขึ้น เมื่อพูดถึงอวัยวะในร่างกายมนุษย์ “ หัวใจ”นับว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง  แถมยังมีความเปราะบางมาก  โดยหัวใจจะทำหน้าที่หลัก คือ การสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆในร่างกาย  เพื่อช่วยให้เซลล์และอวัยวะในส่วนต่างๆทำงานได้เป็นปกติ  แต่ทางกลับกันหากว่าเมื่อใดที่หัวใจทำงานผิดปกติหรือทำงานได้ไม่เต็มที่ก็ย่อมส่งผลกระทบไปยังส่วนต่างๆของร่างกายด้วย  เนื่องจากจะส่งผลให้เซลล์ต่างๆและอวัยวะต่างๆในร่างกายได้รับผลกระทบไปด้วย  เช่น ทำหน้าที่ได้ด้อยลงไป  บกพร่อง  เสื่อมสภาพ  หรือมีความสึกหรอเกิดขึ้นภายในร่างกาย  เป็นต้น ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องหมั่นดูแลสุขภาพของหัวใจให้มากๆแล้วล่ะค่ะ

“กระเทียม” มีประโยชน์มากกว่าที่คิด

บางท่านอาจจะชอบทานกระเทียมแบบสดๆโดยอาจใช้เป็นผักข้างเคียงเพื่อตัดความเลี่ยนของอาหารบางประเภทก็ได้เช่นกัน  แต่ประโยชน์ของกระเทียมไม่ได้มีเพียงเท่านี้  ยังมีสรรพคุณต่างๆอีกมากมาย  เช่น  ช่วยในการบำรุงเลือด  ลดความดันเลือด  ป้องกันโรคโลหิตจาง  ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจ  สมอง  และอวัยวะต่างๆได้สะดวก  ปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ  ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน  ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง  ช่วยขับลม  ช่วยย่อยอาหาร ต้านแบคทีเรีย  ช่วยฆ่าเชื้อรา  แก้ปัญหากากเกลื้อน  ลดการติดเชื้อ  ป้องกันหวัด  ลดการเกิดภูมิแพ้  มีสารต้านอนุมูลอิสระ  ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย  และสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อีกด้วย  ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน 

เนื่องจากในกระเทียมมีสารอยู่ชนิดหนึ่งชื่อว่า สารอัลลิซิน  สารชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยลดการเกาะตัวของเลือด  ร่างกายจึงสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงหัวใจได้อย่างเพียงพอนั่นเองค่ะ ด้วยสรรพคุณที่กล่าวมานี้  กระเทียมจึงนับว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมาย  แต่การนำกระเทียมไปประกอบอาหารโดยผ่านความร้อนอาจจะทำให้สารอัลลิซินลดน้อยลงได้  ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการนำกระเทียมมาแปรรูปให้อยู่ในรูปแบบของอาหารเสริมแบบพร้อมทาน  เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น  โดยกรรมวิธีที่ใช้ผลิตก็เป็นกรรมวิธีที่คิดค้นเป็นพิเศษเพื่อช่วยคงคุณค่าของกระเทียมเอาไว้อีกด้วยค่ะ  มีทั้งในรูปแบบที่เป็นเม็ดและแคปซูล  จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นของกระเทียมหรือไม่ชอบความยุ่งยากในการต้องหากระเทียมสดมาไว้ทาน  ดังนั้นกระเทียมจึงไม่ได้มีไว้เพียงแค่ประกอบอาหารเพื่อเพิ่มความอร่อยเท่านั้น เมื่อรู้ถึงสรรพคุณที่มากมายของกระเทียมเช่นนี้แล้วเชื่อว่าหลายคนคงอยากจะลองหันมาทานกระเทียมเพื่อบำรุงสุขภาพหัวใจและร่างกายกันบ้างแล้วล่ะค่ะ

ติดตามอาหารเพื่อสุขภาพ และติดตามประโยชน์ของ “ตะไคร้” ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพกว่าที่หลายๆคนคิด

แนะนำวิธีเลือก “สบู่เหลวล้างมือ” จะเลือกใช้แบบไหนดีนะ

ในตอนนี้ยังมีอีกหนึ่งไอเท็มที่ต้องมีติดบ้านกันไว้กับ สบู่เหลวล้างมือ เพราะมือของเราต้องผ่านการหยิบจับสิ่งของต่างๆ และหากทำความสะอาดไม่ดีพอ ก็อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ ซึ่งนำมาด้วยโรคภัยไขเจ็บต่างๆ ทั้งภาวะติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ รวมถึงการระบาดของไวรัสต่างๆ ดังนั้นการล้างมือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เราก็จะมีสบู่เหลวล้างมือกันไว้ แล้วจะเลือกยี่ห้อไหนดี มาดูกันเลย

“สบู่เหลวล้างมือ” เลือกใช้แบบไหนดีนะ?

• Kirei Kirei สบู่เหลวล้างมือ

เริ่มต้นที่สบู่เหลวล้างมือแบบเนื้อโฟม ที่มีความเนียนนุ่มและน่าสัมผัส ตัวนี้มีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ เป็นสูตรอ่อนโยน แม้ผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ใช้ได้ ช่วยทำความสะอาดล้ำลึก ชำระล้างสิ่งสกปรกออกหมดจด กำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ดี และยังบำรุงให้มือชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์อีกด้วย 

• Betadine natural defense moisturizing Manuka honey foam hand wash 

ต่อกันด้วยสบู่เหลวล้างมือของ Betadine อุดมไปสารสกัดธรรมชาติ อ่อนโยน ปราศจากสารระคายเคืองทุกชนิด ช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกได้ดี ขจัดเชื้อโรคได้หมดจด และลดการสะสมของแบคทีเรีย นอกจากนี้ก็ยังมีน้ำผึ้งและวิตามินอี เพื่อช่วยบำรุงให้มือชุ่มชื้น มีความเนียนนุ่ม แก้ปัญหาความแห้งกร้าน 

• Dettol foaming hand wash 

ไม่พูดถึงแบรนด์นี้คงไม่ได้เลย เป็นแบรนด์ยอดฮิตในการทำความสะอาด ซึ่งอันนี้ก็เป็นสบู่เหลวล้างมือ สูตรวานิลลาออร์คิสท์ เป็นรูปแบบโฟมกระจายตัวอย่างทั่วถึง ทำความสะอาดจากสิ่งสกปรกและแบคทีเรียได้ถึง 99.9% แต่ไม่ทำให้มือแห้งกร้าน ยังคงให้ความชุ่มชื้น พร้อมกลิ่นหอมสดชื่น นอกจากสูตรสีม่วงนี้ ยังมีอีกหลายสูตรให้ทุกคนได้เลือกกันด้วยนะ

• Benice kitchen fresh foaming hand wash anti meat & galic odor

เป็นสบู่เหลวล้างมือจาก Benice สูตรสีเขียว ช่วยในเรื่องของการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการสะสมของเชื้อโรค เนื้อโฟมเนียนนุ่มและกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังพิเศษที่เป็นสูตรลดกลิ่นสะสมของหัวหอมและกระเทียมได้อีกด้วย ซึ่งยังมีอีกหลายสูตรที่น่าลองใช้ 

• Carex natural anti bacteria hand wash 

ปิดท้ายด้วยสบู่เหลวล้างมือ Carex มีให้เลือกถึง 3 สูตร พร้อมคุณสมบัติทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก ลดการสะสมของแบคทีเรีย ได้ถึง 99.9% แถมยังเป็นสูตรอ่อนโยน ปราศจากสารระคายเคืองทุกชนิด กลิ่นหอมอ่อนๆ พร้อมกับมีมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อบำรุงให้มือเนียนนุ่มและชุ่มชื้นอยู่เสมอ 

ติดตามอาหารเพื่อสุขภาพ และติดตามข่าวสุขภาพอื่นๆ เช่น เคล็ดลับเพิ่มระยะก้าวในการ เดินออกกำลังกาย ในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายๆ

“ข้าวโอ๊ต” ธัญพืชที่มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพที่เราอาจจะยังไม่รู้

ข้าวโอ๊ต ถือเป็นธัญพืชที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งบนโลก อาหารชนิดนี้ไม่มีกลูเต็นและยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิด มีกากใยสูง ทั้งยังมีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย งานวิจัยพบว่าประโยชน์ของข้าวโอ๊ตต่อสุขภาพนั้นมีมากมาย ซึ่งรวมถึงประโยชน์ด้านการลดน้ำหนัก การลดปริมาณน้ำตาลในเลือด และช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้อีกด้วย และนี่คือประโยชน์ของข้าวโอ๊ตต่อสุขภาพที่เราอยากแนะนำ

ประโยชน์ของ “ข้าวโอ๊ต”

1. มีสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายมากมาย ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารที่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตและไฟเบอร์ ทั้งยังให้โปรตีนได้สูงกว่าธัญพืชชนิดอื่น ๆ ในปริมาณเดียวกัน และประโยชน์ของข้าวโอ๊ตยังมีคุณค่าทางวิตามินและแร่ธาตุสูง เช่น แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินบีหนึ่ง ซึ่งดีต่อสุขภาพ

2. ข้าวโอ๊ตเต็มเมล็ดอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะ Avenanthramides ที่ช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติและยังเป็นสารต้าอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต่อต้านการเกิดริ้วรอยอีกด้วย

3. ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารที่อุดมด้วยเส้นใยที่ละลายน้ำได้ ที่เรียกว่า Beta-Glucan ซึ่งกากใยตัวนี้จะมีหน้าที่ลดไขมันที่ดีในกระแสเลือด รักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ ช่วยให้อิ่มท้องได้นาน และเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ได้อีกด้วย

4. ข้าวโอ๊ตช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ด้วยคุณสมบัติของข้าวโอ๊ตที่อุดมด้วยเส้นใยและสารต้านอนุมูอิสระ ทำให้การดักจับไขมันที่ไม่ดีในกระแสเลือดเป็นไปได้อย่างดีขึ้น ประโยชน์ของข้าวโอ๊ตต่อสุขภาพในข้อนี้ทำให้ข้าวโอ๊ตสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด อันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดอุดตันในสมองได้อีกด้วย

5. ข้าวโอ๊ตยังช่วยให้ผิวพรรณดีมีน้ำมีนวลและดูอ่อนเยาว์ ข้าวโอ๊ตถูกนำมาใช้เพื่อเยียวยาผิวพรรณมายาวนาน ประโยชน์ของข้าวโอ๊ตต่อสุขภาพในข้อนี้จึงหมายรวมถึงประโยชน์ต่อความงามอีกด้วย เพราะข้าวโอ๊ตสามารถเยียวยาผิวแห้งให้ดูเนียนนุ่มอ่อนเยาว์ได้ด้วยสาพัดวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากมายในธัญพืชตัวนี้ และได้รับความนิยมจนนำมาเป็นส่วนผสมของสกินแคร์บำรุงผิวในปัจจุบันหลายตัวเลยทีเดียว

เห็นอย่างนี้แล้วเราคงละเลยความสำคัญของธัญพืชที่เราเห็นกันทุกวันอย่างข้าวโอ๊ตไปไม่ได้แล้ว ซึ่งปัจจุบันข้าวโอ๊ตก็ถูกนำมาแปรรูปให้มีความหลากหลาย และเราสามารถเลือกรับประทานได้อย่างไม่ซ้ำซากจำเจ ซึ่งประโยชน์ของข้าวโอ๊ตต่อสุขภาพในข้าวโอ๊ตแต่ละชนิดก็ไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งหากให้ดีก็ควรเลือกเป็นข้าวโอ๊ตเต็มเมล็ด เพียงแค่นี้ก็ได้รับสารอาหารและคุณประโยชน์ไปได้แบบเต็ม ๆ เลย

ติดตามอาหารเพื่อสุขภาพ และลูกแพร์ ผลไม้ที่ไม่ได้น่ารักแค่ชื่อ แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย

ทาน อาหารมีประโยชน์ต่อฟัน ฟันสวย ฟันแข็งแรง ฟันอยู่กับเราไปแสนนาน

อาหารที่ดีนอกจากบำรุงร่างกายแล้ว  หากบำรุงฟันให้แข็งแรงสวยงามได้ก็ยิ่งดี  เพราะฟันเป็นอวัยวะเล็กๆ แต่สำคัญมาก  ซึ่งคงไม่มีใครอยากใช้ฟัน (ปลอม) ชุดที่  3  หากไม่จำเป็นจริงไหมครับ? วันนี้เรามาดู อาหารมีประโยชน์ต่อฟัน กันเลยดีกว่า

อาหารมีประโยชน์ต่อฟัน

น้ำดีกับฟัน

     ร่างกายของเราใช้น้ำในการผลิตน้ำลาย  น้ำลายช่วยลดกรดในช่องปากจึงป้องกันฟันผุได้  ดังนั้นควรดื่มน้ำวันละ  8 – 10  แก้วครับ

ผลิตภัณฑ์จากนมอุดมประโยชน์

     เช่น  นมสด  นมผง  นมเปรี้ยว  โยเกิร์ต  ชีส  ไอศกรีมที่ทำจากนม  ซึ่งผลิตภัณฑ์จากนมเป็นอาหารบำรุงฟัน  กระดูก  และร่างกายให้แข็งแรง  กินได้ทุกเพศทุกวัย  เป็นอาหาร  ป้องกันฟันผุ  มีโปรตีนเคซีนที่ช่วยลดระดับกรดในช่องปากซึ่งลดปัญหาเหงือกกัดกร่อนได้  

ชาเขียวช่วยชีวิตฟัน

     รู้หรือไม่ว่าชาเขียวมีสารฟลูออไรด์ที่ทำให้ฟันแข็งแรง  แนะนำให้ดื่มเป็นประจำครับ

ผลไม้ดีต่อเหงือก

     ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอย่างฝรั่ง  ส้ม  ส้มโอ  สับปะรด  ลิ้นจี่  พุทรา  มะละกอสุก  มะม่วง  มะขามเทศ  กีวี  ผลไม้ตระกูลเบอร์รี  เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อฟันและร่างกาย  ทำให้เหงือกแข็งแรงและลมหายใจหอมสดชื่นด้วย

ผักใบเขียวดีต่อฟัน

     ผักใบเขียว  เช่น  คะน้า  ผักบุ้ง  ผักโขม  ผักหวาน  ผักกาดหอม  ขึ้นฉ่าย  ผักชี  ช่วยต่อต้านแบคทีเรียในปาก  มีเส้นใยอาหารที่ช่วยขจัดคราบอาหารบนฟัน  จึงทำให้ช่องปากสะอาด  ฟันแข็งแรงครับ  

ว่านหางจระเข้ดีต่อเหงือก

     ว่านหางจระเข้เป็นอาหารที่ดีต่อฟัน  ช่วยบรรเทาอาการอักเสบได้  แม้ไม่ได้ปลูกไว้แต่สามารถหาซื้อได้ตามตลาด  หรือเปิดบริโภคได้ทันทีจากเครื่องดื่มผสมว่านห่างจระเข้หลายชนิด

กินถั่วฟันสะอาด

     ถั่วเป็นอาหารที่ดีต่อฟัน  ทำให้ฟันสะอาดแล้วยังมีกรดไขมันโอเมก้า  3  ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเหงือก  อีกทั้งยังรักษาแผลในช่องปากได้ด้วย

งาดีดูแลฟันได้

     ในงามีวิตามินเอสูงซึ่งช่วยในการก่อรูปของผิวเคลือบฟัน  ทำให้ฟันขาวสวยงามขึ้นครับ  แต่กินแล้วต้องรีบบ้วนปากเพื่อไม่ให้ตกค้างในช่องปากครับ

กินเนื้อสัตว์ฟันแข็งแรง

     แนะนำให้กินเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันและสามารถกินได้ทั้งกระดูก  เช่น  ปลาเล็กปลาน้อย  กุ้งแห้ง  ซึ่งเนื้อสัตว์เป็นอาหารบำรุงฟันที่มีฟอสฟอรัสสูง  ช่วยเสริมสร้างฟันให้แข็งแรง  อีกทั้งยังมีโคเอนไซม์  Q10  ที่ช่วยลดอาการเลือดออกจากโรคเหงือกและลดอาการปวดฟันจากฟันผุได้ด้วย 

ติดตามข่าวสุขภาพและติดตามข่าวสุขภาพอื่นๆ เช่น การนอนให้ถูกวิธี จะช่วยทำให้ร่างกายเจริญเติบโตและรักษาตัวเองได้เป็นอย่างดี

3 สิ่งมหัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้น เมื่อคุณนั้นได้ หยุดทานเนื้อสัตว์

ในที่สุด เทศกาลกินเจ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ในช่วงต้นเดือนตุลาคมของปีนี้ หลายๆคนมีความตั้งใจที่จะงดการบริโภคเนื้อสัตว์ และทานอาหารเจ ด้วยวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ทั้งในแง่ของความสบายใจ เสมือนได้งดเว้นการฆ่าสัตว์ ซึ่งทำให้จิตเป็นกุศล หรือจะด้วยวัตถุประสงค์ ที่จะล้างสารพิษออกจากร่างกาย จะด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตามแต่ แต่เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันมั้ยล่ะครับ ว่าหากเรา หยุดทานเนื้อสัตว์ เลย จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเราบ้าง วันนี้ เรามีคำตอบให้ทุกคน…

3 สิ่งมหัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้น เมื่อคุณ “หยุดทานเนื้อสัตว์“

1.ลดการอักเสบในร่างกาย

หากคุณรับประทานเนื้อสัตว์ ชีสและอาหารแปรรูป มีโอกาสสูงที่คุณจะมีระดับการอักเสบในร่างกายสูงขึ้น แม้ว่าการอักเสบในระยะสั้น หลังออกกำลังกายหรือเล่นกีฬานั้น  จะเป็นเรื่องปกติและจำเป็น แต่การอักเสบที่กินเวลานานหลายเดือนหรือหลายปีนั้น  เป็นการอักเสบเรื้อรังที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาการของหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของ โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน และโรคแพ้ภูมิตัวเอง รวมถึงภาวะอื่น ๆ

ในทางตรงกันข้ามอาหารจากพืช จะมีสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติเนื่องจากมีไฟเบอร์สารต้านอนุมูลอิสระและไฟโตนิวเทรียนท์อื่น ๆ สูงและมีสารกระตุ้นการอักเสบต่ำกว่ามาก เช่นไขมันอิ่มตัว และเอนโดทอกซิน (สารพิษที่ปล่อยออกมาจากแบคทีเรียที่พบในอาหารสัตว์) การศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารจากพืชสามารถลดระดับของโปรตีน C-reactive (CRP) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การอักเสบในร่างกายได้อย่างมาก ดังนั้น การทานมังสวิรัติ หรือทานอาหารเจ ก็สามารถช่วยลดอาการอักเสบภายในร่างกายได้

2. ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดของคุณจะลดลง

มีการศึกษาและวิจัย ว่าหากเราทานแต่พืชผักผลไม้ โดยไม่ทานเนื้อสัตว์ คอเลสเตอรอลในเลือดจะลดลงถึง 35%  ในหลาย ๆ กรณีการลดลงจะเท่ากับการรักษาด้วยยาซึ่งมีผลข้างเคียงมากมาย ผู้ที่ต้องการยาลดคอเลสเตอรอลสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลและความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้โดยการรับประทานอาหารจากพืช

อาหารที่ทำจากพืช จะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้เนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวต่ำมากและมีคอเลสเตอรอลเป็นศูนย์ นอกจากนี้อาหารจากพืชยังมีไฟเบอร์สูงซึ่งจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วย

3. เสริมสร้างจุลินทรีย์ดีให้กับลำไส้

อาหารจากพืชช่วยสร้างจุลินทรีย์ในลำไส้ให้แข็งแรง ไฟเบอร์ในอาหารจากพืชช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่“ เป็นมิตร” ในลำไส้ของเรา ในทางกลับกัน อาหารที่มีเส้นใยน้อย (เช่นอาหารที่มีนมไข่และเนื้อสัตว์สูง) สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ส่งเสริมโรคได้ การศึกษาที่สำคัญแสดงให้เห็นว่าเมื่อสัตว์กินพืชทุกชนิดกินโคลีนหรือคาร์นิทีน (พบในเนื้อสัตว์สัตว์ปีกอาหารทะเลไข่และผลิตภัณฑ์จากนม) แบคทีเรียในกระเพาะอาหารจะสร้างสารที่ตับของเราเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นพิษที่เรียกว่า TMAO ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง

เห็นมั้ยล่ะว่า การไม่ทานเนื้อสัตว์นั้น มีประโยชน์กับร่างกายของเรามากแค่ไหน ช่วงเทศกาลกินเจ ก็ลองเปิดใจ งดเว้นการเบียดเบียนด้วยการงดทานเนื้อสัตว์ ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งสุขภาพอย่างนี้ ไม่ลองได้ยังไง…

ติดตามข่าวสุขภาพและติดตามข่าวสุขภาพอื่นๆ เช่น เราไม่ควรรับประทาน อาหารกลางวัน ในช่วงเวลาแบบไหนกันนะ