อาการของตะขาบกัด พิษจากตะขาบควรรับมืออย่างไร
Rojjana Liaseaum Posted on 10:50 pm

อาการของตะขาบกัด พิษจากตะขาบควรรับมืออย่างไร

ตะขาบถือว่าเป็นสัตว์มีพิษที่สามารถพบได้ในเขตร้อนชื้นซึ่งประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิประเทศอากาศร้อนชื้นเช่นกันจึงสามารถพบตะขาบได้และสามารถพบได้ดีในขณะเข้าสู่ฤดูฝน

ขอแนะนำ อาการของตะขาบกัด ซึ่งสารพิษในตะขาบนี้จะอยู่ที่บริเวณเขี้ยวของตะขาบถ้าผู้ที่โดนตะขาบกัดนั้นก็จะมีอาการดังต่อไปนี้

อาการของตะขาบกัด

อาการของตะขาบกัด ใครที่แพ้สารพิษในตะขาบอาจถึงขั้นเสียชีวิต

  • อาการของตะขาบกัด ที่พบเจอบ่อยๆมันก็คืออาการปวดบริเวณที่โดนตะขาบกัดและแดงเป็นวงกว้างถ้าผู้ที่แพ้ตะขาบกัดมากๆก็จะมีอาการบวมแดงในระยะวงกว้างขึ้น ภูมิคุ้มกันที่ดี และจะสามารถสังเกตชาติจะเป็นวงสีแดงเข้มตลอดจนอาจจะเป็นสีม่วงได้และเกิดเป็นเนื้อตายได้ในที่สุดซึ่งจำเป็นต้องกว๊านเนื้อตายในบริเวณที่โดนตะขาบกัดออกไปเพื่อไม่ให้ลุกลามไปกว้างมากขึ้น
  • อาการแพ้ต่างๆก็จะมี เช่นอาการบวมแดงที่ใบหน้า ตลอดจนหนังตาบวมปิดและริมฝีปากบวม มีผื่นแดงคันขึ้นทั่วร่างกายกระจายไปทั่วและในบางรายยังมีอาการหายใจหอบติดขัด ผลข้างเคียงการฉีดวัคซีน โรค Covid-19 เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมซึ่งนับว่าเป็นอาการของกลุ่มผู้ที่แพ้สารพิษในตะขาบอย่างรุนแรงจนกระทั่งทำให้เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
อาการของตะขาบกัด ใครที่แพ้สารพิษในตะขาบอาจถึงขั้นเสียชีวิต

ถ้าพบว่าโดนตะขาบกัดและมีผื่นแดงขึ้นทั่วร่างกายตลอดจนมีอาการเหนื่อยหอบหายใจติดขัดซึ่งมักจะมีอาการให้เห็นภายในระยะเวลาไม่ถึง 30 นาที โรคไตเสื่อม ซึ่งอาการประเภทนี้ อาการของตะขาบกัด เป็นอาการแพ้สารพิษของตะขาบอย่างรุนแรงจึงควรติดต่อโรงพยาบาลทันทีเพื่อพบแพทย์ให้การรักษาอย่างตรงจุด

แต่ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงก็จะมีอาการแค่บวมแดงเฉพาะบริเวณที่โดนกัดเท่านั้นแค่เพียงทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์ แต่ไม่ควรนำสมุนไพรต่างๆบริเวณปากแผล โรคปอดอักเสบ เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ถ้ามีอาการปวดก็ควรรับประทานยาแก้ปวดเท่านั้นซึ่งสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้ตามจำนวนของน้ำหนักตัวของผู้ที่โดนกัดโดยผู้ที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่า 60 กิโลกรัมให้รับประทาน 1 เม็ดแต่ผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 60 กิโลกรัมให้รับประทาน 2 เม็ดทุกๆ 4 ชั่วโมงจนกว่าอาการจะดีขึ้น

อาการของตะขาบกัด หากโดนกัดต้องประคบเย็น

อาการของตะขาบกัด บริเวณแผลที่โดนตะขาบกัดนั้นมีอาการบวมแดงและร้อนสามารถใช้การประคบเย็นได้เพื่อทำให้อาการบรรเทาลง อาหารเพื่อสุขภาพ แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์และเข้าและนำส่งโรงพยาบาลทันที

อย่าคิดว่าสัตว์เลื้อยคลานประเภทตะขาบที่เห็นได้บ่อยๆในประเทศไทยเป็นสัตว์ที่มีพิษไม่รุนแรงตะขาบนั้นมีพิษที่รุนแรงในกลุ่มคนที่แพ้เอมไซม์สารพิษในตะขาบถึงขั้นเสียชีวิตได้อีกทั้งตัวตะขาบนี้สามารถซอกซอนได้ทุกพื้นที่ที่มีต้นไม้และมีดิน

ดังนั้นจึงควรระมัดระวังให้ดีในหน้าฝนจึงควรป้องกันดูแลเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นในสวนหรือการเดินอยู่ในห้องน้ำก็สามารถเลื้อยเข้ามาได้ทุกที่ที่มีช่องว่าง ufa88s และที่สำคัญถ้าโดนตะขาบกัดควรสังเกตอาการให้ทันทีว่ามีอาการอย่างไรถ้าเกิดอาการแพ้ควรโทรติดต่อ 1669 หรือ ติดต่อโรงพยาบาลเพื่อนำส่งโรงพยาบาลทันทีเพื่อป้องกันอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต

การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
Rojjana Liaseaum Posted on 9:38 pm

การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย

ในปัจจุบันนี้หน้ากากอนามัยนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างสูงในการใช้ชีวิตประจำวันเพราะว่าในสถานการณ์ทั่วโลกและในประเทศไทยยังพบกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ซึ่งยังมีการระบาดติดต่อกันเป็นเวลานานและไม่รู้จะจบลงเมื่อไหร่ดังนั้นหน้ากากอนามัยจึงมีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตในทุกๆวัน

เพราะเนื่องจากสามารถป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายด้วยอันดับต้นๆแต่ทั้งนี้ การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง ก็ควรจะใช้ให้ถูกหลักอนามัยเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายอย่างสูงสุดดังนี้

การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง

การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง ที่ควรทำความสะอาดมือให้ดีก่อนใส่

  • ก่อนหยิบหน้ากากอนามัยขึ้นมาส่งที่หน้าควรจะทำความสะอาดมือให้ดีเสียก่อนอาจจะโดยใช้น้ำสบู่ล้างมือเป็นเวลา 20 วินาทีหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือก่อนหยิบหน้ากากอนามัยก็จะทำให้หน้ากากอนามัยนั้นไม่เสี่ยงต่อการเลอะสิ่งสกปรกมากยิ่งขึ้นในการสัมผัสบริเวณหน้า
  • หน้ากากอนามัยที่เป็นกระดาษที่ใช้แบบครั้งเดียวทิ้งจะต้องหันด้านที่มีสีออกข้างนอกเพราะว่าเป็นได้ที่มีสารเคลือบสารป้องกันความชื้นจึงทำให้ป้องกันความเปียกชื้นไม่ให้หน้ากากเปื้อนง่ายๆและป้องกันสิ่งสกปรกเข้าสู่ร่างกายและป้องกันไม่ให้เปื้อนไม่ได้ง่ายขึ้นจึงควรดูให้ดีก่อนสวมใส่เอาสีขาวหันเข้าสู่หน้า
  • และถ้าเป็นหน้ากากผ้าควรหลังการใช้งานทุกครั้งควรจะนำไปซักทันทีโดยใช้น้ำยาซักผ้าผสมกับน้ำยาฟอกขาวเพราะว่าน้ำยาฟอกขาวมีสารที่สามารถในการฆ่าเชื้อโรคสูง
การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง ที่ควรทำความสะอาดมือให้ดีก่อนใส่
  • กดโครงลวดโลหะด้านบนให้แนบกับจมูกไว้เสมอเพราะว่าทำให้กระชับใบหน้ามากยิ่งขึ้นและดึงด้านล่าง คมริมฝีปากและคางให้มิดชิด
  • ในขณะที่สวมใส่หน้ากากอนามัยไม่ควรจะดึงนักอนามัย ลงมาไว้ที่ใต้คาง เพราะจะทำให้ มีภาพอะไรเลยในการป้องกันเชื้อโรค
  • ดึงสายหน้ากากอนามัยสวมหัวทุกครั้งถ้าเป็นหน้ากากอนามัยแบบN 95 ให้สวมแบบครอบทั้งศีรษะซึ่งควรดึงสายคล้องหน้ากากให้ตึงกระชับแนบกับหน้าไม่มีช่องว่างเพื่อป้องกันเชื้อโรคและลอดเข้ามาสู่ระบบทางเดินหายใจ
  • หลังจากการใช้งานหน้ากากอนามัยทุกครั้งควรม้วนเก็บให้ดีก่อนและนำไปทิ้งควรเก็บใส่ซองพลาสติกทิ้งให้อย่างมิดชิดเพราะถือว่าเป็นขยะติดเชื้อ
  • ไม่ควรนำหน้ากากอนามัย แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งมากลับมานำใช้ใหม่เพราะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคนั้นเอง
การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง ควรมีการจัดเก็บและทิ้งให้ดี

การใส่หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็นก็สามารถป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100% ดังนั้นจึงควรจะมีการป้องกันด้วยแนวทางอื่นๆเพื่อป้องกันจากเชื้อโรค covid-19 เช่นล้างมือบ่อยๆเมื่อเอามือสัมผัสบริเวณหน้า และเมื่อออกไปในที่ชุมชนกลับเข้ามาที่บ้านก็ควรจะขอเสื้อผ้าทันทีเพราะว่าเสื้อผ้าอาจจะสัมผัสกับละอองเชื้อโรคก็ควรถอดเสื้อผ้าแล้วนำไปซักทันทีเพื่อลดความเสี่ยงจากการสะสมของเชื้อโรคภายในบ้าน

ที่สำคัญ การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง นี้ สามารถป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกายได้แต่ก็ควรมีการจัดเก็บและทิ้งให้ดีเพื่อไม่เป็นมลภาวะและไม่เป็นการแพร่กระจายเชื้อโรค ควรให้ความสำคัญกับการใส่หน้ากากอนามัยในปัจจุบันนับว่าเป็นปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้รอดพ้นจากเชื้อโรค ระบาดโควิด-19ในการดำรงชีวิตทุกวันนี้

เว็บไซต์ที่ไม่อยากให้คุณพลาดประโยชและโทษของอาหารแต่ละชนิดเรามี วิธีรักษาสุขภาพ เพื่อให้คุณห่างไกลจากโรคต่างๆ

sukapap-d.com ที่มีเรื่องราวการดูแลสุขภาพที่ถูกวิธีมาแนะนำให้คุณได้ศึกษากัน และการหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้โทษ และข้อมูลอาหารเพื่อสุขภาพ วิธีการดูแลผิวพรรณให้มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก และความท้าทายรูปแบบใหม่ที่นำมาให้คุณที่เว็บไซต์ ฟาโร มีโปรโมชั่นแถมให้คุณมากมายด้วย

Bim Posted on 6:30 am

“โรคมะเร็ง” กับ 5 ข้อควรรู้ ถ้าทำได้ห่างไกลโรคนี้อย่างแน่นอน

“โรคมะเร็ง” ภัยร้ายศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ 1 ในโรคร้ายที่พรากชีวิตมนุษย์จำนวนมาก นับตั้งแต่มนุษย์รู้จักโรคมะเร็ง ปัจจุบันโรคมะเร็งยังคงเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น ดังนั้นในบทความนี้ทุก ๆ คนจะได้พบกับ 5 วิธีหลีกเลี่ยงโรคมะเร็งที่เห็นผลมากที่สุด

โรคมะเร็ง คือ

ความผิดปกติที่เกิดจากเซลล์ภายในร่างกายของเรา ส่งผลทำให้เซลล์ดังกล่าวกลายเป็นมะเร็ง และสามารถเติบโต และลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้ กระทั่งทำให้อวัยวะส่วนนั้นเสื่อม และล้มเหลวได้ในที่สุด ความอันตรายของโรคมะเร็ง สามารถทำให้มนุษย์พิการ และเสียชีวิตได้

โรคมะเร็ง

5 วิธีทำได้ ห่างไกลโรคมะเร็ง

1.หลีกเลี่ยงสภาพอากาศร้อน ๆ

อากาศร้อน โดยเฉพาะประเทศไทยแล้ว รังสีอุลตร้าไวโอเลต หรือเรียกง่าย ๆ ว่ารังสียูวี ตัวการสำคัญที่สามารถทำให้มนุษย์ เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังได้ โรคมะเร็งผิวหนังสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ เนื่องจากการลุกลามของเซลล์มะเร็งจะอยู่ในระดับผิวหนัง อาการแผลจะหายยากเรื้อรัง รวมถึงอาจมีฝี หรือฝ้าขนาดใหญ่ขึ้นบนตามผิว ดังนั้นหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ๆ ทาครีมกันแดด สวมเสื้อให้มิดชิดก่อนออกจากบ้านจะดีที่สุด

2.สูบบุหรี่ และแอลกอฮอล์

อีกหนึ่งศัตรูตัวฉกาจที่มนุษย์เองก็รู้ดีว่า บุหรี่ และแอลกอฮอล์นั้น เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งร้ายแรงเช่น มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งปากมดลูก หลอดอาหาร ไต รวมถึง มะเร็งตับ จากแอลกอฮอล์ เนื่องจากภายในควันบุหรี่นั้นประกอบไปด้วยสารพิษต่าง ๆ ที่สามารถส่งผลต่อสมอง และปอดได้โดยตรง แอลกอฮอล์ก็เช่นกัน หากดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน จะส่งผลทำให้ตับของเราทำงานอย่างหนัก เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง

3.ปรุงอาหารให้สุก

อีกหนึ่งความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง และโรคอื่นๆที่จะตามมามากที่สุด คือ อาหารเพื่อสุขภาพ การรับประทานอาหารที่ปรุงไม่สุก โดยเฉพาะ ปลาน้ำจืด เนื่องจากภายในปลาน้ำจืดนั้นมีพยาธิอยู่จำนวนมาก “มะยงชิด” กับประโยชน์ที่บอกเลยว่าอร่อยและดีต่อสุขภาพมากกว่าหลายคนทราบ หากรับประทานอาหาร หรือปลาที่ปรุงไม่สุก มีความเสี่ยงสูงมาก ๆ ที่พยาธิเหล่านั้นจะเข้าสู่รางกาย โดยเจ้าพยาธิจะไปอาศัยอยู่ในท่อน้ำดี จากนั้นก็จะลุกลามเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในที่สุด

โรคมะเร็ง

4.เพศสัมพันธ์

อันที่จริงกิจกรรมการเพศสัมพันธ์นั้นไม่ใช่ข้อห้ามแต่อย่างใด แต่การมีเพศสัมพันธ์ หรือเซ็กที่ถูกต้องนั้น ดูจะเหมาะสมที่สุด เพราะถ้าเมื่อใดก็ตามที่มนุษย์เรามีเพศสัมพันธ์ สิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุดก็คือ โรคที่มากับเพศสัมพันธ์นั่นเอง ดังนั้นวิธีป้องกันแบบง่าย ๆ เช่นสวมถุงยาง หรือหมันตรวจสุขภาพปากมดลูกบ้างดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็สามารถลุกลามกลายเป็นโรคมะเร็งได้เช่นกัน เช่น โรคมะเร็งปากมดลูก

5.ควบคุมน้ำหนัก

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มนุษย์มักมองข้ามนั่นก็คือ พฤติกรรมการรับประทานอาหารนั่นเอง รับประทาน ufabetsr อาหารที่มีประโยชนให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงรับประทานอาหารมัน อาหารทอดน้ำมันซ้ำ ๆ อาหารไหม้เกรียม เป็นต้น เพราะเซลล์มะเร็งมักเจริญเติบโตได้ดี จากอาหารที่ไร้คุณภาพที่เรารับประทานเข้าไปนั่นเอง

Bim Posted on 6:30 am

“โรคความดันโลหิตสูง” กับวิธีการรับมือกับโรคนี้อย่างถูกต้อง

โรคความดันโลหิตสูง กลไกปกติของหัวใจที่ทำหน้าที่สูบฉีดเลือด และเมื่อใดก็ตามที่ความดันโลหิตของเรามีปัญหา ปัญหาที่ตามมาจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะความดันโลหิตสูงสามารถนำไปสู่โรคหัวใจ โรคไตวาย และโรคหลอดเลือดที่เกี่ยวสมอง โรคอันตรายที่เกิดจากพฤติกรรมที่ผลลัพธ์คือ ชีวิต !!!

ความดันโลหิตสูงเกิดจากอะไร

เชื่อหรือไม่ว่าร้อยละ 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงนั้น มักจะไม่รู้ว่าตนเองนั้นป่วยเนื่องจากอะไร เมื่อไหร่จนกว่ามันจะแสดงอาการ แต่สำหรับโรคความดันโลหิตสูง หากมันแสดงอาการจึงมีโอกาสไม่น้อยที่อาจถึงขั้นเสียชีวิต หรือพิการได้เลยทันที และมีโอกาสสูงที่เกิดกับกลุ่มคนที่ทานยาคุมกำเนิดบางชนิดได้

โรคความดันโลหิตสูง

เข้าใจความดันโลหิต

ความดันโลหิต ค่อนข้างชัดเจนว่ามันคือ อาหารเพื่อสุขภาพ กลไกผลักต้านภายในหลอดเลือด หรือจะเรียกว่าระบบไหลเวียนเลือดก็ได้ “ฟักทอง” กับประโยชน์ที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ สายคนรักสุขภาพไม่ควรพลาด โดยค่าการวัดความดันนั้นถูกแบ่งเป็น 2 ค่า ได้แก่ 

-ความดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัว เพื่อสูบเลือด และส่งไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย (ซีสโตลิก) ค่าปกติต้องน้อยกว่า 120 มิลลิเมตรปรอท

-ความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัว (ไดแอสโตลิก) ค่าปกติต้องน้อยกว่า 80 มิลลิเมตรปรอท

จะสังเกตได้ว่าการวัดค่าความดันโลหิตจะมี 2 ค่าเสมอ คือค่าหัวใจสูบฉีดเลือด และค่าหัวใจคลายตัว

โรคความดันโลหิตสูง

วิธีการรักษา โรคความดันโลหิตสูง

ปัจจัยสำคัญที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคความดันโลกหิตสูงนั้น นอกจากทางพันธุกรรมแล้ว พฤติกรรมก็เป็นตัวการสำคัญเช่นกัน ดังนั้นทั้งวิธีรักษาจึงทำได้แค่เพียงการรับประทานยาปรับความดันโลหิตเท่านั้น แต่ปัจจัยสำคัญกว่านั้นคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั่นเอง เช่น 

  1. ออกกำลังกาย เลือกออกำลังแบบเบา ๆ ถึงปานกลาง หลีกเลี่ยงออกกำลังหนัก ๆ แนะนำออกกำลังกายประเภทแอโรบิคจะดีที่สุด
  2. ทานอาหารที่มีประโยขน์หลีกเลี่ยงอาหารประเภทเนื้อสัตว์ติดมัน เน้นทานอาหารที่มีโปรตีน ผักผลไม้ ทานให้ครบ 5 หมู่ เน้นควบคุมไขมัน
  3. พยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ควรมีน้ำหนักเกินมาตรฐานมวลร่างกายเด็ดขาด (BMI)
  4. งดหรือเลิกสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีผลต่อระบบไหลเวียนเลือดโดยตรง

โรคความดันโลหิตคือโรคภัยเงียบที่มักจะไม่แสดงอาการออกมาง่าย ๆ จนกว่าขีดจำกัดร่างกายของเราจะถึงขีดสุด ความอันตายของมันคือผลข้างเคียงจากความดันโลหิตสูงนั่นเอง ดังนั้นวิธีป้องกันโรค royal gclub1688 ที่อันตรายที่สุดกลับช่างง่ายดายเพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ ก็ห่างไกลโรคร้ายได้แล้ว

Bim Posted on 6:30 am

มาลดน้ำหนักสร้างหุ่นสวยด้วยการจำกัดการ กินแบบ IF ที่ดารานิยมทำกันดีกว่า

รู้นะว่าหลายคนกำลังเกาหัวแกรกๆ เพราะสงสัยว่าการลดน้ำหนักกับการ กินแบบ  IF  มันคืออะไร?  อธิบายง่ายๆ ก็คือการกินอาหารและการอดอาหารสลับกันไป  ซึ่งช่วงเวลาที่อดนี่ล่ะที่ร่างกายจะดึงไขมันสะสมตามที่ต่างๆ ออกมาใช้งาน  และต้องบอกเลยว่าสาวหุ่นดีมากอย่าง  นิโคล  คิดแมน  และมิแรนด้า  เคอร์  คุณเธอต่างก็ใช้วิธีนี้ในการลดหุ่นจนเฟิร์มมาแล้วครับ       

เลือกลดน้ำหนักกับการ กินแบบ  IF  ที่เหมาะกับตัวเองที่สุด  

การลดน้ำหนักแบบ  IF  มีหลายวิธีด้วยกัน  คุณควรเลือกให้เหมาะสมกับความอึดของร่างกายและจิตใจ  รวมถึงวิถีในการดำเนินชีวิต  ซึ่งระดับความโหด (แต่ได้ผลดี) แตกต่างกันไปตามนี้ครับ

กินแบบ  IF

1.  ลดน้ำหนักแบบ  5 : 2

มีหลักการ  คือ  ใน  1  สัปดาห์หรือ  7  วัน  ให้กินอาหารตามจำนวนพลังงานที่แต่ละคนควรได้รับ  5  วัน  ส่วนอีก  2  วันที่เหลือ  ผู้ชายให้รับพลังงานจากอาหารเพียงวันละ  600  กิโลแคลอรี  ส่วนผู้หญิงให้รับพลังงานจากอาหารเพียงวันละ  500  กิโลแคลอรีเท่านั้น  

2.  ลดน้ำหนักแบบ  Fast  5

มีหลักการ  คือ  กินอาหารในช่วงเวลา  5  ชั่วโมง  และอดอาหารในช่วงเวลา  19  ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง  

กินแบบ  IF

3.  ลดน้ำหนักแบบ  8 : 16  หรือ  Lean  gains

มีหลักการ  คือ  กินอาหารในช่วงเวลา  8  ชั่วโมง  และอดอาหารในช่วงเวลา  16  ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง  (จะคล้ายคลึงกับวิธีการที่  2  แต่จะโหดน้อยกว่า)  ซึ่งวิธีนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่สาวๆ และดาราฮอลลีวู้ดครับ  เพราะทำง่าย  ไม่ค่อยมีผลกระทบในการดำเนินชีวิตด้วย

4.  ลดน้ำหนักแบบ  The  Warrior  Diet

มี  2  แบบให้เลือกครับ

แบบที่  1  มีหลักการ  คือ  อดอาหารในช่วงกลางวัน  ดื่มได้แต่น้ำเปล่าเท่านั้น  และกินอาหารเพียงมื้อเดียวคือตอนมื้อค่ำแบบชุดใหญ่ไฟกะพริบ  แต่ต้องเป็นอาหารพลังงานต่ำที่เน้นโปรตีนและผักสดครับ  (ระยะเวลาในการอดอาหารจะอยู่ที่  19 – 20  ชั่วโมง)

แบบที่  2  มีหลักการ  คือ  คล้ายคลึงกับแบบที่  1  แต่จะอดอาหารในช่วงกลางคืนและกินอาหารในช่วงกลางวันครับ  

5.  ลดน้ำหนักแบบ  Eat  Stop  Eat

มีหลักการ  คือ  เลือกวันที่จะอดอาหารแบบไม่กินอะไรเลย  1  วันหรือ  24  ชั่วโมง  ดื่มได้แต่น้ำเปล่า  (หรือเครื่องดื่มที่ไม่ให้พลังงาน  หรือให้พลังงานต่ำ)  เป็นเวลา  1 – 2  ครั้งต่อสัปดาห์  ส่วนอีก  5 – 6  วันที่เหลือ  เชิญกินอาหารตามจำนวนพลังงานที่แต่ละคนควรได้รับ

6.  ลดน้ำหนักแบบ  ADF

มีหลักการ  คือ  การกินอาหารและอดอาหารสลับกันไปแบบวันเว้นวัน  โดยวันที่อดสามารถกินอาหารพลังงานต่ำในปริมาณน้อยๆ ได้

อย่าลืมติดตาม อาหารเพื่อสุขภาพ และ วิธีการบำรุงรักษาผิวหนังบริเวณ ฝ่ามือ จากการล้างแอลกอฮอล์บ่อยๆ

ลดน้ำหนักแบบ IF แล้วทำให้เรามีเวลาว่างมากขึ้น จนทำให้ไม่รู้จะทำอะไรดีนั้น เราขอแนะนำ สล็อต888 เกมที่จะมาช่วยให้ทุกคนเล่นจนลืมเวลาไปเลย

Bim Posted on 6:30 am

วิธีดูแลตัวเองให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจาก “โควิด19”

ปัจจุบันโลกของเราต่างก็ต้องเจอกับเหตุการณ์หลากหลาย ยิ่งในเรื่องของโรคร้ายที่นับวันจะมีมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะไวรัส โควิด19 ที่ปัจจุบันนั้น ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค หรือแม้แต่ยารักษา ดังนั้น การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงปลอดภัย เป็นสิ่งแรกที่เราทุกคนต้องตระหนัก และใส่ใจกันให้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน เพราะเจ้าโรคร้ายนี้อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราจะคาดคิดได้ แต่ถ้าหากเราหมั่นดูแลสุขภาพตนเองอย่างสม่ำเสมอ และทำตามสุขอนามัยอย่างเต็มที่ก็จะคลายความกังวลที่มีไปได้บ้างไม่มากก็น้อย

วิธีการดูแลตัวเองให้ร่างกายแข็งแรง และสุขอนามัยเพื่อให้ตนเองห่างไกลจากไวรัส โควิด19

ดูแลตัวเองจาก โควิด19

1. หมั่นล้างมือบ่อยๆ

หลายคนอาจจะเข้าใจว่าไวรัสโควิด 19 กระจายมาตามอากาศ ซึ่งไวรัสจะอยู่ในอากาศได้ก็จริง แต่จะอยู่ได้ไม่เกิน 15-20นาที สิ่งที่อันตรายและต้องระวังมากกว่านั้นคือ ไวรัสโควิด 19 เหล่านี้มักจะติดอยู่กับวัตถุที่เราต้องใช้มือสัมผัสอยู่เป็นประจำ จนอาจทำให้เราเผลอละเลยได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกบิดประตู ราวบันได ตู้เอทีเอ็ม ตู้หยอดเหรียญเครื่องดื่ม ขนม เครื่องใช้ต่างๆ เป็นต้น ดังนั้น เมื่อมือของเราได้สัมผัสสิ่งของ หรือวัตถุต่างๆ ภายนอก สิ่งที่ควรทำคือ ให้รีบล้างมือกับน้ำสบู่ทุกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันโรคได้ หรือถ้าหากไม่สามารถล้างมือได้ การพกแอลกอฮอล์เจล หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ สำหรับล้างหรือฉีดพ่นที่มือเป็นสิ่งที่พอจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง และควรทำให้ติดเป็นนิสัยจะดีที่สุด

2. ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน

ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำ ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ทุกอย่างจำเป็นต้องแยกใช้เป็นของส่วนตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อ นอกจากจะกันไวรัสโควิด 19 ได้แล้ว ยังช่วยเรื่องทั้งไวรัสตับอักเสบบี ที่สามารถติดต่อกันจากการใช้สิ่งของร่วมกันอีกด้วย ดังนั้น จึงควรเพิ่มความระมัดระวังในส่วนนี้เช่นกัน

ดูแลตัวเองจาก โควิด19

3. สวมใส่หน้ากากอนามัย

ทุกครั้งที่เราจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน การสวมใส่หน้ากากอนามัยนอกจากจะช่วยกันไวรัสได้แล้ว ยังกรองฝุ่นมลพิษที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อในทางเดินหายใจได้

4. หมั่นสังเกตตนเอง ทานอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกาย

วิธีง่ายๆ ที่เราทำได้ทุกวัน อย่างการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอยู่เสมอ อาจจะแค่เพียงการทำความสะอาดบ้านเล็กน้อย ก็คือเป็นการออกกำลังกายได้ทางหนึ่งแล้ว ส่วนในเรื่องการสังเกตตนเองนั้น ตัวเราเองมักจะรู้สึกหากร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลง เช่น รู้สึกมีไข้ ไอ หรือจามจนผิดปกติ ให้คุณสังเกตตนเองให้ดี แต่อย่าเครียดและวิตกกังวลเกินกว่าเหตุจนเกิดไป เป็นดีที่สุด 

แม้ว่าจากสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบันนั้น ยังคงมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 อยู่ ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ การดูแลและป้องกันตนเองและคนที่เรารักให้ปลอดภัยห่างไกลจากไวรัสตัวร้ายอย่างเจ้าโควิด 19 ไปให้ได้เพื่อจะได้ปลอดภัยทั้งตนเองและคนที่เรารัก

ติดตาม อาหารเพื่อสุขภาพ และติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ โรคภัยไข้เจ็บ อื่นๆ เช่น “มะเร็งปากมดลูก” อีกหนึ่งในภัยร้ายที่ใกล้ตัวผู้หญิงเป็นอย่างมาก

อีกอย่างที่อยากจะมาแนะนำกันเลย นั่นก็คือเกมดีๆที่พร้อมจะมาทำให้ทุกคนหลงรักมันไปด้วยกันอย่าง jokerสล็อต777 รับรองได้เลยว่าคุณจะติดหนึบมันอย่างแน่นอน

Bim Posted on 6:30 am

รู้หรือไม่? อาการ “เมาค้าง” นั้นควรกินอะไรดี ให้สร่างและหายเร็วๆ

อาหารแก้ เมาค้าง เพื่อช่วยให้คุณมีชีวิตรอดในเช้าวันถัดไป อันที่จริงแล้วเป็นเรื่องสนุกเสมอในการปาร์ตี้ หรือออกไปฉลองกับเพื่อนๆ แต่ถ้าคุณเกิดอาหารเมาค้างหนักจนรู้สึกแย่ในเช้าวันถัดมาแล้วละก็มีอาหารที่คุณสามารถกินเพื่อช่วยรักษาอาการเมาค้างได้

แนะนำอาหารที่ทานแล้วช่วยแกอาการ “เมาค้าง” ได้

  1. เครื่องดื่มเกลือแร่

เครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬา หรือเครื่องดื่มอิเล็กโทรไลต์ สามารถช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการทำงานของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีต่อร่างกายของเรานั้นคือการทำให้ร่างกายขาดน้ำ ขับปัสสาวะ คุณจะปัสสาวะบ่อยขึ้นเมื่อเริ่มเมาได้ที่ ทำให้เมา คอแห้ง ร่างกายขาดน้ำ ดังนั้นการดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ก่อนนอนจะช่วยพยุงร่างกายจากอาการเมาค้างได้ หรือหากดื่มหลังจากตื่นมาแล้วก็ช่วยให้สร่างได้เร็วขึ้นเช่นเดียวกัน

เมาค้าง
  1. แซลมอน

ปลาแซลมอนอุดมด้วยวิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 ซึ่งวิตามินทั้งสองนี้จะช่วยให้อาการเมาค้างของคุณบรรเทาลงได้ สำหรับใครที่รู้ตัวว่าเริ่มเมา การสั่งกับแกล้มเป็นแซลมอนมากินเล่นจะช่วยให้ร่างกายของคุณย้อนกลับไปในจุดที่ยังไม่เมามากได้นะ หรือถ้าคุณเมาจนเละเทะไปแล้ว มื้อเช้าก็ลองทำเมนูอาหารจากปลาแซลมอนสักหน่อย นอกจากจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นแล้วยังลดอาการอักเสบของร่างกายด้วย เพราะบางคนเวลาเมาค้างจะรู้สึกคล้ายๆ กับตัวรุมๆ มีไข้ใช่มั้ยละ

  1. มะม่วง

โดยเฉพาะมะม่วงสุก ซึ่งกินได้หมดทั้งสายหวานแบบพวกมะม่วงน้ำดอกไม้ หรือสายกะปิน้ำปลาแบบมะม่วงสุกสีเหลืองเปรี้ยวๆ อย่างแก้วขมิ้น แต่สำคัญคือต้องสุกจะดีที่สุด เพราะมีปริมาณน้ำตาลสูง เนื่องจากมีหลักฐานว่าน้ำตาลธรรมชาติที่พบในน้ำผึ้งและผลไม้ตามธรรมชาติสามารถช่วยให้คุณขับแอลกอฮอล์ออกจากระบบได้เร็วขึ้น ผลไม้ชนิดนี้ยังมีปริมาณน้ำสูงมาก ช่วยคืนน้ำให้ร่างกายได้ มะม่วงมีรสชาติที่ชัดเจน ทำให้เรารู้สึกสดชื่นได้ง่าย หรือถ้าไม่อยากกินมะม่วง ให้เลือกเป็นองุ่น หรือส้ม ก็ได้เช่นกัน 

  1. อาหารอ่อน

อาหารอ่อนทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น โจ๊ก ข้าวต้ม ข้าวโอ๊ตต้มนม กราโนล่า ฯลฯ ทั้งนี้เพราะอาหารอ่อนๆ ทั้งหลายย่อยและดูดซึมได้ไวกว่าอาหารแข็งตามปกติ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไวกว่า ทั้งน้ำ เกลือแร่ และน้ำตาล เพื่อเข้าไปทดแทนอาการสูญเสียน้ำจากการเมาค้าง อีกทั้งอาหารอ่อนที่ทำมาอุ่นๆ ยังทำให้ท้องไส้จากการปาร์ตี้หนักหน่วงทั้งคืนรู้สึกดีขึ้นด้วย คาร์โบไฮเดรตช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็วซึ่งร่างกายของคุณจะต้องการเมื่อมีอิเล็กโทรไลต์ต่ำจากการดื่มมากเกินไป

เมาค้าง
  1. ขิง

จากการศึกษาพบว่าขิงสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้หลังฟื้นจากคืนปาร์ตี้ได้ ดังนั้นการผสมฃิงเข้ากับอาหารของคุณ ในวันหลังการดื่ม จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น โดยอาจทำเป็นของง่ายอย่างน้ำขิงก็ได้ หรือหากคุณรู้สึกหิว ก็ใส่ขิงลงในโจ๊กหรือข้าวต้มได้เลยเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้สร่างเมาเร็วขึ้น

ทางที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ไม่อยากเมาค้างคือการที่คุณระมัดระวังขีดจำกัดของตนเอง และในระหว่างที่ดื่มต้องไม่ลืมกินกับแกล้มบ้าง จิบน้ำเปล่าบ้าง เพื่อไม่ให้ร่างกายสูญเสียน้ำจนเมาเร็วเกินไป เพราะไม่เพียงแต่การรับผิดชอบตัวเองเมื่อดื่มเท่านั้น คุณยังต้องรับผิดชอบตัวเองในการเดินทางกลับบ้านด้วย ดูแลตัวเองให้ปลอดภัยย่อมสำคัญที่สุด

ติดตามอาหารเพื่อสุขภาพ และติดตามข่าวสุขภาพอื่นๆ เช่น แชร์ประสบการณ์ส่วนตัว จากคนที่ไม่เคยทาน ข้าวเช้า มาเป็นปี

Bim Posted on 6:30 am

5 ชนิดอาหารที่ไม่ควรทานเมื่อต้องขับรถ เดินทางระยะไกล

การเดินทางด้วยการขับรถ เดินทางระยะไกล ๆ อย่างการไปเที่ยวต่างจังหวัดนั้นจะต้องใช้การเดินทางที่ค่อนข้างนานเลยทีเดียว จนทำให้เพื่อน ๆ หลายคนเกิดอาการง่วงนอนในขณะรถในแบบที่หลักเลี่ยงไม่ได้ โดยสาเหตุของอาการง่วงนอนส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ส่งผลทำให้ร่างกายของเรารู้สึกอยากจะนอนตลอดเวลา ดังนั้นเราควรมาเรียนรู้ถึงข้อเสียของอาหารชนิดต่าง ๆ ที่เราไม่ควรรับประทานก่อนออกเดินทางไกลกันดีกว่าค่ะ

อาหารที่ไม่ควรทานเมื่อต้อง เดินทางระยะไกล

1.น้ำอัดลม ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่จะทำให้เรารู้สึกสดชื่น แต่ความสดชื่นนั้นจะรู้สึกเพียงแค่ตอนที่เราดื่มเข้าไปใหม่ ๆ เท่านั้น แต่พอดื่มไปได้สักระยะก็จะทำให้เรารู้สึกง่วงซึม และบางรายอาจจะมีอาการไม่สบายท้องร่วมด้วย

อาหารที่ไม่ควรทานเมื่อต้อง เดินทางระยะไกล

2.ธัญพืชและผักชนิดที่มีแก๊สเยอะ ไม่ว่าจะเป็น บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง มันบด และถั่วเปลือกแข็ง ซึ่งอาหารเหล่านี้จะมีแก๊สในปริมาณมากเมื่อทานเข้าไปจะส่งผลทำให้เรารู้สึกแน่นท้อง ท้องอืด และจะรู้สึกง่วงนอนอีกด้วย

3.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่เราควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด เพราะการที่เราดื่มเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิดจะส่งผลทำให้เราขาดสติในการขับรถยนต์ และทำให้การตัดสินใจของสมองช้าลงจนอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ 

อาหารที่ไม่ควรทานเมื่อต้อง เดินทางระยะไกล

4.น้ำหวานและของหวานชนิดต่าง ๆ   การรับประทานของหวานนั้นจะช่วยทำให้เรารู้สดชื่นก็จริง แต่เนื่องจากของหวานจะมีปริมาณของน้ำตาลที่ค่อนข้างสูง เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้รู้สึกง่วงนอน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงของหวานทุกชนิดและควรดื่มน้ำเปล่าทุกครั้งที่รู้สึกง่วงจะดีกว่าค่ะ

5.เนื้อสัตว์ติดมัน เนื่องจากเนื้อสัตว์ประเภทนี้เป็นอาหารที่ย่อยยากและใช้เวลาในการย่อยนานจนทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงานไปส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังทำให้เกิดแก๊สในลำไส้เล็กจนส่งผลทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และยังทำให้เรารู้สึกง่วงมากขึ้นในขณะที่เราขับรถอีกด้วย

สุกท้ายนี้ถ้าใครเดินทางด้วยการขับรถในระยะทางไกล ๆ แต่เกิดอาการรู้สึกง่วงควรมีการงีบพักระหว่างทางหรือรับประทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวก็จะช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นและพร้อมที่จะเดินทางต่อด้วยร่างกายที่สดชื่นและกระปรี้กระเปร่านั่นเองค่ะ

ติดตามอาหารเพื่อสุขภาพ และติดตามข่าวสุขภาพอื่นๆ เช่น รวมเด็ดสมุนไพรที่สามารถช่วยลด “กลิ่นตัว” ได้อย่างอยู่หมัด

Bim Posted on 6:30 am

รู้จักกันหรือไม่?กับ “ไรฝุ่น” ภัยร้ายที่จะก่อโรคภูมิแพ้ให้กับคุณ

ถ้าคุณกำลังมีอาการเช่นนี้ น้ำมูกไหลและมีสีใส จาม หรือรู้สึกเหมือนเป็นหวัดตลอดเวลา แสบจมูก คันจมูก คันตา หรือมีอาการตาแดง แสดงว่าคุณอาจจะกำลังพบเจอกับโรคที่เรียกว่า ภูมิแพ้ แต่โรคภูมิแพ้นั้นมีหลากหลายสาเหตุขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยจะแพ้สิ่งใด แพ้อากาศ แพ้เกสรดอกไม้ หรือแพ้ ไรฝุ่น 

ไรฝุ่น

ประเด็นหลักที่เราจะพูดถึงในวันนี้ คือ อาการภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่น ซึ่งอาการภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่นนั้น พบว่ามีผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ด้วยสาเหตุที่เกิดจากไรฝุ่นอยู่จำนวนมาก และไรฝุ่นยังเป็นอันดับหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ในประเทศไทย

ไรฝุ่น

ไรฝุ่นตัวร้าย ที่ก่อโรคภูมิแพ้ให้กับคุณ

ไรฝุ่นที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ที่ทำให้คนไทยมีอาการป่วยเป็นโรคภูมิแพ้จำนวนมาก อาศัยอยู่ตามบ้านเรือนของเรานั้นเองค่ะ แอบอยู่ตามผ้าห่ม ที่นอน โซฟา ตู้เสื้อผ้าหรือ แม้แต่ผ้าม่าน หรืออาจพบไรฝุ่นอยู่ทั่วทุกพื้นที่ภายในบ้านเลยก็ได้ ซึ่งไรฝุ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก คิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ที่พบเจอตามบ้านของเรา จะมีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธ์ คือ 1. Dermatophagoides farina และ 2. Dermatophagoides farina ซึ่งอาหารของเจ้าไรฝุ่นพวกนี้ ก็คือ ผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังของคนที่หลุดหลอกออกมาเมื่อเซลล์ตาย หรือผิวหนังของสัตว์เลี้ยงต่างก็เป็นอาหารชั้นเลิศของไรฝุ่น ยิ่งมีอาหารเหล่านี้มากเท่าไหร่ ไรฝุ่นก็ยิ่งเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้เร็วขึ้น

วิธีการรักษาภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่นตัวร้าย

  • การใช้ยาพ่นจมูก หรือปาก
  • การฉีดวัคซีนป้องกันภูมิแพ้
  • การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยก่อภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
  • ลดปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ เช่น หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่แออัด ไม่มีอากาศถ่ายเท ควบคุมน้ำหนัก ลด เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
ไรฝุ่น

ป้องกันที่ต้นเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้จาก ไรฝุ่น

  • การดูแลในเรื่องของความสะอาดภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นภายในห้องนอน ที่นอน ผ้าห่ม หรือปอกหมอน ควรที่จะหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ 
  • นอกจากบริเวณในห้องนอนแล้วทุกที่สสามารถที่จะเป็นแหล่งเจริญเติบโตของไรฝุ่นได้ ไม่ว่าจะเป็น ตู้เสื้อผ้า ผ้าม่าน โซฟา ห้องเก็บของ หรือสถานที่ที่อื่น ๆ ภายในบ้าน
  • หากบ้านไหนเลี้ยงสัตว์ควรที่จะดูแลในเรื่องของความสะอาดเพิ่มมากขึ้น ควรแยกโซนที่เลี้ยงสัตว์ออกมาต่างหาก ไม่ให้อยู่ใกล้ชิดกับคนในบ้านจนเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นที่ขยายพันธ์และเจริญเติบโตของไรฝุ่น 
  • การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้แข็งแรง หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารที่รับประทานแล้วไม่เกิดประโยชน์

ติดตามอาหารเพื่อสุขภาพ และติดตามข่าวสุขภาพอื่นๆ เช่น ตื่นเถิดชาวไทย! รวม 4 ความเชื่อผิดๆที่ควรรู้ในการกินเพื่อ การลดน้ำหนัก

Bim Posted on 6:30 am

เคยเป็นกันไหม? กับอาการ “เมาค้าง” ที่สุดแสนจะทรมานร่างกายตัวเราเอง

เชื่อว่าอาการ เมาค้าง เป็นอาการที่นักดื่มหลายๆคนคงจะคุ้นเคยกันดี  หรือแม้ว่าบางคนอาจจะไม่ใช่นักดื่มแต่จำเป็นต้องดื่มบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อปาร์ตี้กับเพื่อนๆ  เพื่อหน้าที่การงาน  เทศกาล  การรักษามารยาททางสังคม  อกหักรักคุด  หรืออาจมีปัญหาชีวิตที่แก้ไม่ตก  ฯลฯ   ด้วยปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเมาค้างในเช้าวันต่อมาได้  

อาการเมาค้างก็อย่างเช่น  มีอาการเวียนหัว  ปวดหัว  อยากอาเจียน  เบื่ออาหาร  คอแห้ง ฯลฯ  และถ้าหากว่าคุณเกิดมีอาการเมาค้างในเช้าวันทำงานด้วยแล้วก็ยิ่งจะทำให้วันนั้นเป็นวันที่ทรมานสุดๆสำหรับคุณเลยล่ะ  บางคนจึงใช้วิธีการดื่มแอลกอฮอล์ซ้ำอีกในตอนเช้าเพื่อต้องการจะลดอาการเมาค้าง  แต่ก็มีการวิจัยที่กล่าวว่าการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อช่วยลดอาการเมาค้างอาจทำให้กลายเป็นคนติดแอลกอฮอล์ได้ใครที่อยากลดอาการเมาค้างโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการติดแอลกอฮอล์  ยังมีอีกตัวช่วยที่ปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายและไม่เสี่ยงต่อการติดแอลกอฮอล์อีกด้วย  นั่นก็คือ ว่านรางจืด ( laurel clock )  

เมาค้าง

ว่านรางจืด ( laurel clock )  เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่คนไทยรู้จักกันมาช้านาน  สมัยโบราณนิยมปลูกพืชไม้เลื้อยชนิดนี้เอาไว้ในบ้านเพื่อใช้ต้มดื่มเป็นยาประจำบ้านเลยก็ว่าได้เพราะการรักษาจากแพทย์ยังไม่สะดวกเช่นทุกวันนี้โดยมักจะปลูกว่านรางจืดนี้เอาไว้เพื่อรักษาอาการไข้  แก้ท้องเสีย  แก้ร้อนใน  แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ   บำรุงร่างกายขณะอยู่ไฟหลังคลอด   ลดอาการปวดบวม  ถอนพิษต่างๆ  ฯลฯ    

ว่านรางจืดจัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นและมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านรางเย็น   มีสรรพคุณช่วยลดอาการเมาค้าง  ล้างพิษและต่อต้านพิษจากการดื่มแอลกอฮอล์ที่ส่งผลต่อตับ  ช่วยลดการถูกทำลายเซลล์ประสาทจากการดื่มแอลกอฮอล์  นอกจากสรรพคุณช่วยลดอาการเมาค้างดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้วว่านรางจืดยังมีสรรพคุณอื่นๆอีกมากมาย  เช่น  ล้างพิษจากยาฆ่าแมลง-ยากำจัดวัชพืช  ต่อต้านสารพิษที่มาจากมลพิษในอากาศ  ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด  ความดันโลหิต  แก้อาการผดผื่นคัน  อีสุกอีใส  ต้านมะเร็ง  ต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี  ฯลฯ  

ว่านรางจืด

วิธีการทานว่านรางจืดเพื่อแก้อาการ เมาค้าง

-นำในสดว่านรางจืดมาล้างทำความสะอาด

-นำมาต้มในน้ำสะอาด  ทิ้งไว้ประมาณ  10-15 นาที  ( หรือสามารถเคี้ยวใบสดทานก็

ได้เช่นกัน )

-กรองเอาเฉพาะน้ำนำมาดื่ม  ( ดื่มก่อนอาหาร  เช้า – เย็น หรือเมื่อมีอาการ ) ในปัจจุบันได้มีการผลิตว่านรางจืดออกมาในรูปแบบที่ง่ายและสะดวกต่อการทานมากขึ้น  มีทั้งชนิดผงสำหรับเอาไว้ชงกับน้ำร้อนดื่มแทนชาได้และชนิดแคปซูลทานได้อย่างสะดวกแม้จะไม่ค่อยมีเวลาค่ะ

ติดตามอาหารเพื่อสุขภาพ และติดตามข่าวสุขภาพอื่นๆ เช่น แนะนำ 5 วิธีในการ ผ่อนคลายสุขภาพจิต หลังโรคระบาดโควิด -19