เรื่องจริงของแสงสีฟ้า นำเสนอถึงอันตรายของรังสีบนหน้าจอโทรศัพท์
ในยุคที่เรามีโทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ติดตัวกันเกือบตลอด 24 ชั่วโมง แสงสีฟ้าก็กลายเป็นสิ่งที่หลายคนค่อนข้างกังวลใจกันมาก เนื่องจากมีหลายแหล่งข้อมูลที่พยายามนำเสนอถึงอันตรายของรังสีชนิดนี้ วิธีรักษาสุขภาพ บ้างก็บอกเล่าในลักษณะที่เกินความจริงมากไปหน่อย บ้างก็ตั้งใจบิดเบือนเพื่อให้เอื้อประโยชน์ต่อการขายสินค้า คนส่วนใหญ่จึงเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ เรื่องจริงของแสงสีฟ้า นี้ และนำไปสู่การดูแลตัวเองที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก
เรื่องจริงของแสงสีฟ้า สำหรับคนที่ใช้โทรศัพท์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
เรื่องจริงของแสงสีฟ้า แม้ว่าเราจะใช้โทรศัพท์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน และอยู่ใกล้กับหน้าจอมากเป็นพิเศษ แต่ปริมาณและค่าความเข้มข้นของแสงสีฟ้าก็ไม่เพียงพอที่จะทำลายชั้นผิวของเราได้ หมายความว่ามันจะไม่ทำให้เกิดฝ้า กระ ตลอดจนรอยด่างดำต่างๆ เช่นเดียวกับแสงแดด การทาครีมกันแดดเพื่อกันแสงจากโทรศัพท์จึงนับว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เว้นเสียแต่ว่าเราจะเปิดหน้าจอโทรศัพท์ค้างไว้ แล้วแนบไว้กับผิวต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วโมงต่อวัน ก็อาจจะเกิดรอยด่างดำจางๆ ได้บ้าง
เรื่องจริงของแสงสีฟ้า ไม่ได้มีผลเสียต่อสายตามากเท่าที่คิด อันที่จริงเรื่องผลร้ายจากแสงสีฟ้าที่มีต่อดวงตานั้น เป็นเรื่องที่เราได้ยินกันมาตั้งแต่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนเสียอีก โดยเชื่อกันว่าหากได้รับแสงชนิดนี้เป็นประจำ สายตาจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาจทำให้สายตาสั้น สายตาเอียง หรือสูญเสียการจับภาพที่ดีไป อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังไม่มีการยืนยันจากจักษุแพทย์ และผลกระทบก็น้อยกว่าการอ่านหนังสือในที่แสงน้อยเสียอีก
เรื่องจริงของแสงสีฟ้า ทำให้เกิดปัญหาตาแห้ง ตาแห้งเป็นสัญญาณแรกของโรคตาประเภทอื่นๆ และการจ้องหน้าจอโทรศัพท์เป็นเวลานานก็ทำให้ตาแห้งได้จริง แต่มันไม่ได้เกิดจากแสงสีฟ้าอย่างที่คิด มันเป็นเพราะพฤติกรรมของตัวเราเองขณะใช้โทรศัพท์มากกว่า คือเราจะมีอัตราการกระพริบตาน้อยลงโดยอัตโนมัติ บวกกับไม่มีการแบ่งเวลาเพื่อพักสายตาระหว่างวันเลย ดวงตาจึงทำงานหนักจนอ่อนล้าและตาแห้งกว่าปกติ